ข้อเสนอพิเศษสุดสำหรับสปอร์ตและเอ็มสปอร์ตจาก M88
คงไม่มีเซียนพนันคนไหนไม่รู้จักคำว่า “คาสิโน” แต่่สำหรับวันนี้เราจะมาลงรายละเอียดถึงเบื้องลึกเบื้องหลังประวัติของคาสิโน ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร พัฒนาการเป็นอย่างไร และปัจจุบันวงการคาสิโนในบ้านเรา รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้านมีความเป็นไปอย่างไรบ้าง เป็นความรู้ประดับตัวให้แพรวพราวสมเป็นเซียนตัวจริง
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติคาสิโนว่า การพนันขันต่อนั้นได้เริ่มมีขึ้นมานานแสนนาน ตั้งแต่ยุคกรีกโรมันโบราณ ไล่เรียงเรื่อยมาจนถึงสมัยของนักรบชื่อก้องโลกอย่างนโปเลียน รวมทั้งราชินีอลิซาเบธ โดยแต่เดิมนั้นคำว่า Casino มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลีที่แปลว่า ศาลาพักร้อน จนกระทั่งในศตวรรษที่ 19 ผู้คนได้เริ่มรวมตัวกันที่นั่น และเริ่มกิจกรรมการพนัน ทำให้คำว่า Casino กลายมาเป็นคำศัพท์ที่หมายถึง สถานที่สำหรับเดิมพัน หรือเล่นพนันกันนั่นเอง หลังจากนั้นคาสิโนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยช่วงศตวรรษที่ 20 ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างสังคมขึ้นในอเมริกา ส่งผลให้การพนันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายนับตั้งแต่นั้นมา อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน วงการการพนันของโลกมีการปรับเปลี่ยนไปมาก เพราะมีสถานที่หลายแห่งในโลกที่เปิดให้เล่นการพนันได้อย่างถูกกฎหมาย อย่างเช่นที่รัฐเนวาดา และลาสเวกัส รวมทั้งที่แอตแลนติกซิตี้ ในนิวเจอร์ซีของอเมริกาเอง หรือแม้แต่ในเมืองแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ ก็มีคาสิโนที่ได้รับความนิยมอย่างมากตั้งอยู่ด้วย
สำหรับทางฝั่งของเอเชียนั้น ปัจจุบันแหล่งคาสิโนที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ เมืองมาเก๊า ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษ ตั้งอยู่บนพื้นที่ชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีน หนึ่งในคาสิโนหรูของที่นั่น ได้แก่ เดอะเวนีเชียน มาเก๊า (The Venetian Macau) ที่ได้รับการสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับของอิตาเลียน ซึ่งคาสิโนอลังการแห่งนี้ สามารถรองรับนักพนันจากทั่วโลกด้วยพื้นที่มากกว่า 50,000 ตารางเมตร (นับเฉพาะพื้นที่สำหรับให้บริการทางการพนัน) โดยเนื้อที่ีทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ๆ ได้แก่ โกลเด้นฟิช, อิมพีเรียลเฮ้าส์, เรดดราก้อน และฟินิกซ์ พร้อมเครื่องสล็อตแมชชีนไว้สำหรับให้บริการลูกค้าถึง 3,400 เครื่อง โต๊ะพนันอีกเกือบ 1,000 โต๊ะ รวมทั้งห้องโถงขนาดใหญ่สำหรับที่สามารถบรรจุผู้เข้าชมได้มากกว่า 15,000 คน สำหรับจัดการแข่งขันการเดิมพันทางการกีฬา เช่น กีฬาชกมวย, บาสเก็ตบอล ฯลฯ นอกจากนี้ เดอะเวนีเชียน มาเก๊า ยังมีส่วนของโรงแรมที่ให้บริการที่พักสุดหรูมากกว่า 3,000 ห้อง รวมทั้งโซนช้อปปิ้ง สำหรับนักช้อปได้เพลิดเพลินกับของแบรนด์เนมบนพื้นที่กว่า 15,000 ตารางเมตร ซึ่งถือได้ว่าที่นี่เป็นสวรรค์ชั้นเจ็ดของเซียนพนัน และขาช้อปตัวจริง
ต่อด้วยคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านติดกับกับชายแดนไทย นั่นคือ คาสิโนในปอยเปต ประเทศกัมพูชานั่นเอง ปอยเปตได้รับฉายาว่าเมืองที่ไม่เคยหลับใหล เนื่องจากมีบ่อนถูกกฎหมายเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ต้อนรับนักพนันจากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาเดิมพันเพื่อความสนุกสนาน ปัจจุบันนี้ในประเทศกัมพูชามีบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงอยู่ทั้งหมด 9 แห่ง ซึ่งทั้งหมดเป็นสถานที่ที่ได้รับการรับรองว่ามีมาตรฐานและปลอดภัย จึงทำให้เป็นแม่เหล็กดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเอง และชาวต่างชาติเข้ามายังสถานที่เหล่านี้ อันได้แก่ แกรนด์ไดมอนด์ซิตี้, ปอยเปตคาสิโน รีสอร์ท, สตาร์เวกัส ปอยเปต, ฮอลิเดย์พาเลซ รีสอร์ท, ฮอลิเดย์ ปอยเปต, ทรอปิคานา คาสิโน ปอยเปต, คราวน์คาสิโน ปอยเปต, เจ็นติ้ง คราวน์ ปอยเปต และ ปริ้นเซสคราวน์ ปอยเปต
โดยคาสิโนในกัมพูชามีรูปแบบโมเดลที่ไม่ต่างจากคาสิโนแห่งอื่นๆ ในโลก คือเป็นสถานที่สำหรับเดิมพันแบบต่างๆ อย่างครบวงจร รวมทั้งเป็นโรงแรม มีที่พักรับรองให้กับแขกผู้มาเยือนด้วย
ส่วนในประเทศไทยเองนั้นก็มีประวัติคาสิโนอยู่บ้างในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สมัยรัชกาลที่ 2 ที่บ่อนยังสามารถเปิดได้อย่างถูกกฎหมาย แต่เนื่องจากรัฐบาลมองเห็นผลเสียจากการที่ประชาชนไทยติดการพนัน จึงได้มีการสั่งยกเลิกกิจการบ่อนการพนัน จากเดิมที่มีตั้งอยู่ทั่วประเทศไทย 403 แห่ง เหลือเพียง 9 แห่ง และถูกระงับอย่างถาวรทั่วราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2460 ซึ่งตรงกับในสมัยรัชกาลที่ 6 อย่างไรก็ตามแผนการเปิดบ่อนก็ยังถูกรื้อขึ้นมาอีกหลายครั้ง เนื่องด้วยนักการเมืองบางคนมองว่า การเปิดบ่อนเสรีนั้นเป็นประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และธุรกิจ อย่างเช่นเมื่อปี 2551 ที่มีนายสมัคร สุนทรเวชได้มีการเสนอนโยบายต่อประชาชนไทยว่า หากตนได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะมีการอนุญาตให้เปิดบ่อนอย่างถูกกฎหมาย เพื่อให้เป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงิน และนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้เปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อดีของการเปิดบ่อนเสรีว่า ตามหลักความเป็นจริงนั้น ถึงแม้การพนันในประเทศไทยจะถูกสั่งห้าม และจัดให้เป็นสิ่งผิดกฏหมาย แต่ก็ไม่สามารถห้ามนักพนันให้ออกนอกประเทศเพื่อไปเล่นยังสถานที่อื่นๆ อยู่ดี ซึ่งการที่มีคนไทยนำเงินออกไปเล่นการพนันนอกประเทศนั้น ก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เงินไทยรั่วไหล และอาจเสียเปรียบด้านดุลการค้าได้ ในทางกลับกัน หากมีการเปิดบ่อนเสรี รัฐบาลจะสามารถควบคุมและมีเก็บภาษีจากกิจการ นำมาพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ แต่ในท้ายที่สุดบ่อนคาสิโนถูกกฎหมายก็ถูกพับเก็บ และไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกจนกระทั่งทุกวันนี้ เนื่องจากมีหลายฝ่ายเห็นถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะนอกจากการพนันจะสามารถละลายทรัพย์สินได้อย่างพริบตาแล้ว ยังนำมาซึ่งปัญหาระดับชาติ เป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ให้กับตลาดมืด